Autotirechecking สเปคและราคายางอัพเดตล่าสุด TOP CHART ยางรถยนต์ - ยางรถยนต์ขอบ 13" - ยางรถยนต์ขอบ 14 " - ยางรถยนต์ขอบ 15 " - ยางรถยนต์ขอบ 16 " - ยางรถยนต์ขอบ 17 " - ยางรถยนต์ขอบ 18 " - ยางรถยนต์ขอบ 19 " - ยางรถยนต์ขอบ 20 " - ยางรถยนต์ขอบ 21 " - ยางรถยนต์ขอบ 22 " ราคาและสเปคล้อแม็ก ราคาและสเปคแบตเตอรี่ ตารางผ่อนรถ โปรโมชั่น - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 14 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 15 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 16 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 17 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 18 " ติดต่อโฆษณา

ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี? ทุกสิ่งที่เจ้าของรถควรรู้

30/03/2025 l POST IN :: บทความทั้งหมด l By :

หนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมากคือ “ยางรถยนต์” ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ หรือรถบรรทุก ยางล้วนเป็นชิ้นส่วนเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ทำหน้าที่รับน้ำหนัก ดูดซับแรงกระแทก ควบคุมทิศทาง และส่งแรงขับเคลื่อน ดังนั้น การดูแลรักษาและเข้าใจ อายุการใช้งานของยางรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถทุกคน

ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี? ทุกสิ่งที่เจ้าของรถควรรู้

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับอายุการใช้งานของยางรถยนต์ สัญญาณเตือนเมื่อยางเสื่อมสภาพ วิธีดูวันผลิต วิธีการดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน ตลอดจนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณปลอดภัยและพร้อมใช้งานเสมอ


ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี?

คำตอบแบบสากลที่ผู้ผลิตยางทั่วโลกใช้คือ 5-6 ปี นับจากวันผลิต หรือประมาณ 40,000–60,000 กิโลเมตร สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้อายุยางสั้นหรือยาวกว่านี้ เช่น ลักษณะการขับขี่ สภาพอากาศ พื้นถนน น้ำหนักบรรทุก การดูแลรักษา และยี่ห้อยางที่ใช้

1. อายุจากวันผลิต (Time-based lifespan)

โดยทั่วไป หากยางถูกผลิตมานานเกิน 6 ปี แม้ยังไม่เคยใช้งาน ก็ถือว่าเสื่อมสภาพได้แล้ว ยางจะเริ่มแข็งตัว ดอกยางอาจยังอยู่แต่ความยืดหยุ่นลดลง ทำให้เกาะถนนได้ไม่ดี เสี่ยงต่อการระเบิดหรือสูญเสียการควบคุม

2. อายุจากระยะทางที่ใช้งาน (Mileage-based lifespan)

ในกรณีที่รถมีการใช้งานหนัก เดินทางไกล หรือขับในสภาพถนนที่ขรุขระ ระยะการใช้งานของยางอาจลดลงเหลือเพียง 30,000–40,000 กิโลเมตร ขณะที่รถที่ใช้ในเมืองเป็นหลัก และได้รับการดูแลดี อาจใช้ได้ถึง 60,000–70,000 กิโลเมตร


วิธีดูวันผลิตของยาง

เพื่อให้รู้ว่ายางรถยนต์ของเราผลิตเมื่อไร สามารถดูได้จาก รหัส DOT ที่พิมพ์อยู่ด้านข้างของยาง เป็นรหัสตัวเลข 4 หลัก เช่น

  • 2722 = ยางผลิตในสัปดาห์ที่ 27 ของปี 2022

  • 0119 = ยางผลิตในสัปดาห์ที่ 1 ของปี 2019

โดยทั่วไป ไม่ควรใช้ยางที่มีอายุมากกว่า 6 ปีจากวันผลิต และควรเปลี่ยนแม้ยังไม่หมดดอกหากยางเริ่มแข็ง เสื่อม หรือมีรอยแตกร้าว


ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี? ทุกสิ่งที่เจ้าของรถควรรู้

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของยาง

  1. พฤติกรรมการขับขี่

    • ขับรถเร็ว เบรกกะทันหัน ออกตัวแรง จะทำให้ยางสึกเร็ว

    • ขับรถเรียบ ๆ ด้วยความเร็วปกติ ช่วยยืดอายุยางได้

  2. สภาพถนน

    • ถนนขรุขระ หลุมบ่อ หรือเป็นทางดินจะทำให้ยางเสื่อมเร็วขึ้น

    • ถนนลาดยางเรียบจะช่วยยืดอายุการใช้งาน

  3. อุณหภูมิและสภาพอากาศ

    • ยางเสื่อมเร็วขึ้นในอุณหภูมิสูง เพราะยางขยายตัวและแข็ง

    • ยางที่ใช้ในพื้นที่หนาวเย็นจัดหรือละอองน้ำแข็งอาจเสื่อมสภาพเร็วเช่นกัน

  4. แรงดันลมยาง

    • ลมอ่อนเกินไป ยางบวมและสึกเร็ว

    • ลมแข็งเกินไป ทำให้ยางแข็งตัวและเกาะถนนลดลง

  5. น้ำหนักบรรทุก

    • รถที่บรรทุกของหนักเกินพิกัด ทำให้ยางสึกและเสื่อมเร็วกว่าปกติ

  6. การดูแลรักษาและตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

    • หากตั้งศูนย์ไม่ตรง หรือไม่ได้ถ่วงล้อ ยางจะสึกไม่สม่ำเสมอและเสื่อมเร็ว


สัญญาณที่บ่งบอกว่ายางควรเปลี่ยน

  1. ดอกยางต่ำกว่า 2-3 มิลลิเมตร

    • สามารถใช้ไม้ขีดหรือเกจวัดดอกยางวัดได้

    • ยางที่ดอกตื้นเกินไปจะลื่นในน้ำ เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

  2. ยางแตกลายงา ร้าว หรือบวม

    • หากสังเกตเห็นรอยแตก หรือบวมด้านข้าง ควรรีบเปลี่ยนทันที

  3. ขับแล้วสั่นหรือมีเสียงผิดปกติ

    • อาจเกิดจากยางไม่สมดุล หรือลูกปืนล้อ แต่หากยางเริ่มเสื่อมสภาพ ก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้

  4. มีรอยฉีกขาดหรือถูกของแหลมตำ

    • ถ้าตำลึกเกินซ่อมได้ หรืออยู่ใกล้แก้มยาง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที

  5. อายุยางเกิน 5-6 ปี

    • ถึงแม้จะใช้งานไม่มาก หรือดูเหมือนยังดีอยู่ ก็ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย


เทคนิคยืดอายุการใช้งานของยาง

  1. ตรวจสอบลมยางทุกเดือน

    • ปรับให้ตรงตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยดูจากสติ๊กเกอร์ข้างประตูหรือคู่มือรถ

  2. หมุนยางทุก 10,000 กิโลเมตร

    • เพื่อให้ดอกยางสึกอย่างสม่ำเสมอทั้งสี่ล้อ

  3. ตั้งศูนย์และถ่วงล้อเป็นประจำ

    • โดยเฉพาะหลังจากขับชนหลุมหรือฟุตบาทแรง ๆ

  4. ล้างยางและดูแลสภาพภายนอก

    • ไม่ให้ยางสะสมฝุ่น ดิน หรือคราบน้ำมันที่อาจกัดเนื้อยาง

  5. ขับขี่อย่างนุ่มนวล

    • ไม่เร่งเครื่องและเบรกแรงโดยไม่จำเป็น


เปลี่ยนยางเมื่อไรดีที่สุด?

แม้ดอกยางยังไม่หมด หากพบว่ายางมีสภาพเสื่อม ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย โดยแนะนำว่า:

  • ยางธรรมดา (ทั่วไป) ควรเปลี่ยนเมื่ออายุ 4-6 ปี

  • ยางที่ผ่านความร้อนหรือโดนแสงแดดจัดเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนใน 3-4 ปี

  • ยางที่รถใช้น้อยมาก เช่น รถจอดในบ้าน อาจดูเหมือนยังดี แต่ควรเปลี่ยนตามอายุ ไม่เกิน 6 ปี


คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์

  • Michelin: แนะนำให้ตรวจเช็กรถทุกปีหลังจากยางมีอายุ 5 ปี และเปลี่ยนเมื่อครบ 10 ปีแม้ไม่ได้ใช้งาน

  • Bridgestone: ยางจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดภายใน 5 ปีแรกหลังจากผลิต

  • Goodyear: ยางที่ผ่านการใช้งานอย่างหนักควรพิจารณาเปลี่ยนภายใน 40,000 กิโลเมตร


สรุป: อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ อย่างยางรถ

แม้ยางจะเป็นแค่ชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนต์ แต่ก็มีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ การรู้จักอายุการใช้งานของยาง วิธีดูวันผลิต วิธีตรวจสอบสภาพ และการบำรุงรักษาเบื้องต้น จะช่วยให้คุณใช้ยางได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้อย่างมาก

หากคุณไม่แน่ใจว่ายางที่ใช้อยู่ยังปลอดภัยหรือไม่ อย่ารอให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ตรวจเช็กวันนี้ เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง

Top