BYD Dolphin 2023 ราคาเปิดเร้าใจ อุปกรณ์ และความปลอดภัยจัดเต็ม

BYD Dolphin 2023 เปิดราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมี 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 699,999 บาท แม้ไม่มี Wall Charge แต่รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี อุปกรณ์ภายนอก ภายใน และระบบความปลอดภัยทุบรถญี่ปุ่นกระเจิง

BYD Dolphin 2023 เคาะราคาเป็นที่เรียบร้อยและต่ำกว่าราคาคาดการณ์ 799,999 บาท ที่ประกาศหน้านี้พอสมควร โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ดังนี้

• BYD Dolphin รุ่น Standard Range ราคา 699,999 บาท

• BYD Dolphin รุ่น Extended Range ราคา 859,999 บาท

โดย BYD Dolphin 2023 ทั้ง 2 รุ่นย่อยหลัก ๆ จะต่างกันในส่วนของระบบขับเคลื่อนเป็นหลัก ขณะที่อุปกรณ์ภายนอก ภายใน รวมไปถึงระบบความปลอดภัยใกล้เคียงกันมากในระดับที่หากใครคิดจะเลือก BYD Dolphin 2023 รุ่น Standard Range ก็ไม่เดือดร้อน

เริ่มจากการตกแต่งและอุปกรณ์ภายนอกของ BYD Dolphin 2023 รุ่น Standard Range จะเหมือนกับรุ่น Extended Range เกือบทุกอย่าง ยกเว้นไม่มีหลังคากระจก panoramic สีตัวถังมีเฉพาะโมโนโทน และได้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว แต่ถ้าเลือกรุ่น Extended จะมีหลังคากระจก สีตัวถังแบบทูโทน กับล้อขนาด 17 นิ้ว

ทางด้านอุปกรณ์ภายใน BYD Dolphin 2023 ทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งมาตรวัดดิจิทัลขนาด 5 นิ้ว จออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสปรับหมุนได้ด้วยไฟฟ้าขนาด 12.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยและอังกฤษ มีระบบนำทาง ลำโพง 6 จุด ระบบแอร์อัตโนมัติ เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์

โดยสิ่งที่ BYD Dolphin 2023 รุ่น Extended Range มี แต่รุ่น Standard Range ไม่มี คือ เบาะคู่หน้าแบบเจาะรูระบายอากาศปรับด้วยไฟฟ้า กับที่ชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สายเท่านั้น กระจกไฟฟ้าแบบ One-touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบทั้ง 4 บาน (Standard Range ได้แค่ด้านคนขับ)

สำหรับระบบความปลอดภัยก็เช่นกัน BYD Dolphin 2023 ทั้ง 2 รุ่น มีมากมายในแบบที่รถญี่ปุ่นได้แต่กั๊ก เช่น ถุงลมนิรภัย 6 จุด, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง, จุดยึดเบาะนั่ง ISOFIX, เบรกมือไฟฟ้า, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบเตือนขณะเปิดประตูหากมีวัตถุเคลื่อนผ่าน, กล้องมองภาพรอบคัน, เซ็นเซอร์หน้า-หลัง

รวมถึงระบบช่วยขับขี่ต่าง ๆ อย่าง ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนและช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน, ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน, ระบบเตือนการชนหน้า-หลัง และจุดอับสายตา พร้อมช่วยเบรกขณะถอยหลัง ตลอดจนระบบช่วยควบคุมรถกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น

ทีนี้ มาถึงจุดที่ BYD Dolphin 2023 รุ่น Extended Range กับ Standard Range ต่างกันมากแบบชัดเจนจริง ๆ คือ ระบบขับเคลื่อน

โดย BYD Dolphin 2023 รุ่น Extended Range ใช้ Blade Battery ขนาดความจุ 60.4 kWh จ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 7 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 490 กม./ชาร์จ (NEDC)

แต่ BYD Dolphin 2023 รุ่น Standard Range ใช้ Blade Battery ขนาดความจุ 44.9 kWh จ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 12.3 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กม./ชาร์จ (NEDC)

ส่วนสีตัวถัง BYD Dolphin 2023 รุ่น Extended Range ซึ่งเป็นแบบทูโทน จะมีให้เลือก 4 สี ได้แก่

• สีเทา Mafic Grey หลังคา-ฝากระโปรงสีดำ Graphite Black ภายในสีดำสลับเทา
• สีชมพู Coral Pink หลังคา-ฝากระโปรงสีเทา Alaskan Grey ภายในสีชมพูสลับเทา
• สีน้ำเงิน Atoll Blue หลังคา-ฝากระโปรงสีเทา Alaskan Grey ภายในสีน้ำเงินสลับเทา
• สีขาว Surge White หลังคา-ฝากระโปรงสีเทา Alaskan Grey ภายในสีดำสลับเทา

ทางด้าน BYD Dolphin 2023 รุ่น Standard Range มีเฉพาะสีโมโนโทนให้เลือก 4 สี ได้แก่

• สีม่วง Flora Purple ภายในสีน้ำตาลสลับดำ
• สีชมพู Coral Pink ภายในสีชมพูสลับเทา
• สีเทา Alaskan Grey ภายในสีดำสลับเทา
• สีครีม Coastal Cream ภายในสีดำสลับน้ำตาล

สรุปคือ BYD Dolphin 2023 เปิดราคาได้ค่อนข้างเร้าใจ อุปกรณ์ให้แบบไม่กั๊ก แม้ไม่ให้ Wall Charge ก็ถือว่ายังต่ำกว่า Ora Good Cat จะแพงกว่าก็เพียง Neta V ซึ่งอุปกรณ์และการตกแต่งเป็นรองแบบชัดเจน และทั้ง 2 รุ่นย่อย อุปกรณ์ต่างกันน้อยมาก ตัวตัดสินหลักคือสมรรถนะ

จะเหลือก็เพียงความน่าเชื่อถือในระยะยาวของ BYD Dolphin 2023 จะทำได้ดีแค่ไหน ทั้งในแง่ของความทนทาน ความเสถียรของระบบต่าง ๆ รวมถึงการบริการหลังการขาย การสต็อกอะไหล่ เหล่านี้ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

ที่มา : BYD