MG HS 2025 โฉมใหม่ เวอร์ชั่น PHEV วิ่งไฟฟ้าไกลถึง 120 กม.
MG HS 2025 โฉมใหม่ HS รถ SUV ขนาดคอมแพกต์ เจเนอเรชั่น 2 ของตระกูล HS เปิดตัวกลางงาน Goodwood ซึ่งจัดขึ้นในเวสต์ ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ พร้อมบุคลิกที่สมาร์ตขึ้น และเวอร์ชั่น PHEV วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 120 กม.
MG HS 2025 เปิดตัวสานต่อความสำเร็จในฐานะรถ SUV ขนาดคอมแพกต์ที่ขายดีติดอันดับ Top 10 ของอังกฤษ ด้วยบุคลิกใหม่ที่สปอร์ต สมาร์ต และฟีเจอร์ใหม่ รวมถึงภายในที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งให้เลือกทั้งเบนซิน และปลั๊ก-อิน ไฮบริด
โดยเบื้องต้น MG HS 2025 จะจำหน่ายรุ่นเบนซินล้วนก่อน มี 2 เกรด คือ SE ราคาเริ่มต้น 24,995 ปอนด์ และเกรด Trophy ราคา 33,995 ปอนด์ ส่วนเวอร์ชั่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) จะตามมาราวปลายเดือนนี้
สำหรับ MG HS 2025 เวอร์ชั่นเบนซิน จะใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 169 แรงม้า และแรงบิด 275 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติจะเป็นคลัตช์คู่ 7 สปีด ส่วนเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ยังมีให้เลือกในอังกฤษ
ขณะที่รุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลัง 142 แรงม้า เสริมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 206 แรงม้า
สเปกสมรรถนะเบื้องต้น เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.8 วินาที และวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 120 กม.
ส่วนสไตลิ่งของ MG HS 2025 จะมีความเฉียบคม สมาร์ต และสปอร์ตกว่าโฉมแรก พร้อมเอกลักษณ์ด้านหน้าตามสไตล์ MG ยุคใหม่ คล้ายกับ MG3
นอกจากนี้ ขนาดตัวยังใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ทั้งความยาวที่เพิ่มเป็น 4,655 มม. กว้าง 1,890 มม. และฐานล้อยาว 2,765 มม. มีเพียงความสูงเท่าเดิมคือ 1,664 มม.
ทางด้านห้องโดยสาร MG HS 2025 จะเป็น Smart Cockpit ติดตั้งหน้าจอดิจิทัลขนาดใหญ่แบบลอยตัว ประกอบด้วยมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว จอมัลติฟังก์ชันขนาดเท่ากัน ที่มีฟีเจอร์ Smartphone Mirroring ตลอดจนมีการปรับปรุงคุณภาพวัสดุ และขนาดห้องโดยสารที่กว้างกว่าเดิม พื้นที่เก็บสัมภาระก็ใหญ่ขึ้น 44 ลิตร
นอกจากนี้ ระบบช่วยขับขี่ของ MG HS 2025 จะเพิ่มฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัย โดยระบบป้องกันการชนด้านหน้าสามารถตรวจจับคนเดินถนน รวมถึงจักรยานได้
แต่ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน ระบบช่วยขับขี่ที่ความเร็วต่ำสำหรับการจราจรติดขัด และระบบควบคุมความเร็วตามป้ายสัญญาณจราจรมีแค่ในรุ่น Throphy
อย่างไรก็ตาม MG ฝั่งอังกฤษเองยังไม่ได้มีการเปิดเผยภาพของ MG HS 2025 บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการออกมามากนัก ส่วนไทยก็ต้องรอลุ้นว่าจะมาทันภายในสิ้นปีนี้หรือไม่
ที่มา : mg.co.uk