Autotirechecking สเปคและราคายางอัพเดตล่าสุด TOP CHART ยางรถยนต์ - ยางรถยนต์ขอบ 13" - ยางรถยนต์ขอบ 14 " - ยางรถยนต์ขอบ 15 " - ยางรถยนต์ขอบ 16 " - ยางรถยนต์ขอบ 17 " - ยางรถยนต์ขอบ 18 " - ยางรถยนต์ขอบ 19 " - ยางรถยนต์ขอบ 20 " - ยางรถยนต์ขอบ 21 " - ยางรถยนต์ขอบ 22 " ราคาและสเปคล้อแม็ก ราคาและสเปคแบตเตอรี่ ตารางผ่อนรถ โปรโมชั่น - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 14 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 15 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 16 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 17 " - โปรโมชั่นยางรถยนต์ขอบ 18 " ติดต่อโฆษณา

4 วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ แบบละเอียดอัพเดตล่าสุด 2025

04/02/2025 l POST IN :: บทความทั้งหมด l By :

ยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารโดยตรง หากยางเสื่อมหรือหมดอายุ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้วิธีตรวจสอบว่ายางของเรายังใช้งานได้ดีหรือถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่แล้วหรือไม่ ในบทความนี้จะอธิบายวิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ และวิธีดูแลรักษายางให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

 4 วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ แบบละเอียดอัพเดตล่าสุด 2025

1. การดูวันที่ผลิตของยาง

หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบอายุของยางคือดูจากวันที่ผลิต ซึ่งสามารถหาได้จากรหัส DOT (Department of Transportation) ที่อยู่บนแก้มยาง รหัสนี้จะมีตัวเลข 4 หลักอยู่ท้ายสุด แสดงถึงสัปดาห์และปีที่ผลิต เช่น:

  • 3522 หมายถึง ผลิตในสัปดาห์ที่ 35 ของปี 2022
  • 1021 หมายถึง ผลิตในสัปดาห์ที่ 10 ของปี 2021

โดยทั่วไป ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-6 ปี นับจากวันที่ผลิต หากยางมีอายุเกินกว่านี้ ควรตรวจสอบสภาพยางอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาการเปลี่ยนใหม่

2. สัญญาณที่บ่งบอกว่ายางหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ

แม้ยางจะยังไม่ถึงระยะเวลาหมดอายุ แต่หากมีสัญญาณเหล่านี้ ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที:

2.1 ดอกยางสึกหรอมากเกินไป

ดอกยางมีหน้าที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน หากสึกจนต่ำกว่าระดับที่กำหนด อาจทำให้ลื่นไถลง่าย โดยสามารถเช็กดอกยางได้ด้วยวิธีดังนี้:

  • ใช้เกจวัดดอกยาง หากความลึกต่ำกว่า 1.6 มม. ควรเปลี่ยนยางทันที
  • สังเกต “สะพานยาง” หรือ Tread Wear Indicator (TWI) บนร่องดอกยาง หากดอกยางสึกจนเสมอสะพานยาง แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง

2.2 รอยแตกลายงาบนแก้มยาง

หากพบรอยแตกลายงาบนแก้มยาง หรือบริเวณขอบดอกยาง แสดงว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจเกิดจากอายุของยาง หรือการโดนแสงแดดและความร้อนเป็นเวลานาน

2.3 ยางบวม หรือมีรอยปูด

หากยางมีอาการบวม หรือมีรอยปูด แสดงว่าโครงสร้างภายในได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้ยางระเบิดได้ ควรเปลี่ยนยางใหม่โดยเร็ว

2.4 ยางแข็งกระด้างและเสียการยึดเกาะ

เมื่อยางหมดอายุ เนื้อยางจะแข็งและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้การยึดเกาะถนนลดลง โดยเฉพาะเมื่อขับขี่บนพื้นถนนเปียก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

3. วิธีดูแลรักษายางให้ใช้งานได้นานขึ้น

เพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:

3.1 ตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำ

ควรเช็กแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และเติมลมตามค่าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด หากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้ยางสึกหรอเร็ว และเพิ่มความเสี่ยงต่อการระเบิด

3.2 สลับยางทุก 10,000 กม.

เพื่อให้ยางสึกหรออย่างสมดุล ควรสลับตำแหน่งยางทุก 10,000 กม. หรือทุก 6 เดือน

3.3 ตั้งศูนย์และถ่วงล้อเป็นระยะ

ควรตั้งศูนย์และถ่วงล้อทุกครั้งที่รู้สึกว่ารถมีอาการสั่นผิดปกติ หรือทุก 20,000 กม. เพื่อป้องกันการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอของยาง

3.4 หลีกเลี่ยงการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระ

การขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนที่มีหลุมบ่ออาจทำให้โครงสร้างยางเสียหาย และเพิ่มโอกาสที่ยางจะแตกหรือบวมได้

3.5 หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแดดเป็นเวลานาน

แสงแดดและความร้อนสามารถทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรจอดรถในที่ร่มหรือใช้ผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันยางจากแสงแดดโดยตรง

4. คำแนะนำเมื่อต้องเปลี่ยนยางใหม่

  • เลือกยางที่เหมาะกับการใช้งาน: หากขับในเมืองเป็นหลัก อาจเลือกยางที่เน้นความเงียบและความนุ่มนวล แต่หากขับขี่ระยะไกลบ่อย ๆ ควรเลือกยางที่ทนทานต่อการสึกหรอ
  • ตรวจสอบวันที่ผลิตของยางใหม่: ควรเลือกยางที่ผลิตไม่เกิน 1 ปีจากวันที่ซื้อ
  • เลือกยี่ห้อและรุ่นที่มีรีวิวดี: ศึกษารีวิวและเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อ
  • เปลี่ยนยางทั้งคู่เสมอ: เพื่อให้สมดุลของรถดีขึ้น ควรเปลี่ยนยางเป็นคู่ (สองเส้นต่อเพลา) หรือเปลี่ยนทั้งสี่เส้นพร้อมกัน

สรุป

การตรวจสอบว่ายางหมดอายุหรือไม่ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยสามารถดูจากรหัส DOT ตรวจสอบดอกยาง และสังเกตสัญญาณเสื่อมสภาพต่าง ๆ นอกจากนี้ การดูแลรักษายางอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางใหม่ได้อีกด้วย

4 วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ แบบละเอียดอัพเดตล่าสุด 2025

Top