Bridgestone DriveGuard ยางหุ่มเกราะ
ปัญหาที่ยาง runflat ยังคงเป็นกระแสอยู่คือเรื่องความนุ่มนวลขับสบายเมื่อเทียบกับยางแบบธรรมดา ,แต่วันนี้ Bridgestone เปิดตัวยางที่มีคุณสมบัติเป็น runflat โดยให้ชื่อว่า Bridgestone DriveGuard นอกจากนี้ทาง Bridgestone ยังรับประกันว่า Bridgestone DriveGuard จะเพิ่มความสบายในการขับขี่ , ลดเสียงรบกวน , เพิ่มการเกาะถนนบนถนนเปียก และ ต้านทางการขีดข่วนมากขึ้น ขับขี่ได้แบบสบายใจไร้กังวล
ยาง Runflat สามารถวิ่งได้สูงสุด 80 km/h เมื่อสูญเสียแรงดันลมยาง และสามารถป้องกันดอกยางจากการเจาะจากเศษเล็กๆน้อยๆได้ ยาง Runflat จะสามารถรักษาเสถียรภาพของรถได้ในขณะที่เกิดการเสียงแรงดันลมยางทุกรูปแบบ แบบนี่ยาง Runflat จึงต้องมีผนังด้านข้างที่หนาและแข็งแกรงทำให้โครงสร้างของยางเองมีน้ำหนักมากขึ้น
Bridgestone DriveGuard เกิดขึ้นมาเพื่อแก้รูปแบบผนังด้านข้างแก้มยาง ของยาง Runflat ปกติ นอกจากนี้ Bridgestone DriveGuard ยังพัฒนาการเกาะถนนบนถนนเปียกให้ดีขึ้น และการประหยัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้น อีกด้วย
การขับขี่
การทดสอบขับขี่ของ Bridgestone DriveGuard ใช้การทดสอบบนรถยนต์ Peugeot 308 ขนาด 205/55R16 โดยใส่ยางเทียบกัน 2 คัน โดยหนึ่งคันใส่ Bridgestone DriveGuard และอีกหนึ่งคันใส่ Bridgestone Turanza T001 บนเส้นทางยาว 10 km พร้อมอุปสรรคที่สมบุกสมบรรณ์
จากการทดสอบมันยากมากเลยที่จะแยกความแตกต่างระหว่าง ยางปกติและยาง DriveGuard ที่ให้การตอบสนองจากพวงมาลัยได้ดี การเกาะถนนบนถนนเปียกก็ดูดีไม่แพ้กัน และยังเก็บเสียงได้พอๆกันอีกด้วย
การทดสอบการวิ่งโดยใช้ตะปูแทงลงบริเวณระหว่างแก้มยาง และดอกยาง ทำให้รั่ว แล้วนำมาทำการขับขี่จริง และขับไปในสภาพนั้น จากนั้นหักเลี้ยวช้าๆไปด้านที่ถูกตะปู สังเกตุได้ว่ามีเสียงรบกวนมากขึ้น การควบคุมพวงมาลัยทำได้ช้าลง แต่ก็ยังสามารถควบคุมรถยนต์ได้ปกติ บนความเร็ว 80 km/h และยังคงรักษาคุณภาพการเบรคได้อย่างดี
TUV Test
ผลทดสอบสมรรถนะ เดือนพฤศจิกายน 2015 โดย TÜV SÜD Product Service GmbH (Report No. 713073923-3 – Tyre size 225/45 R17)
บทสรุป
DriveGuard เป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่อยากพกยางสำรองให้หนักรถ และไม่ต้องกลัวว่ายางจะรั่วแล้วต้องติดอยู่ในที่ที่ไม่พึงประสงค์ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทำให้การขับขี่ยาง Runflat และ ยางธรรมดามีสมรรถนะใกล้เคียงกันมากขึ้น