Hyundai Ioniq 5 เปิดราคา มี 3 รุ่นย่อย เริ่ม 1,699,000 บาท

Hyundai Mobility Thailand เปิดราคา Hyundai Ioniq 5 รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Crossover ขนาดคอมแพกต์ในไทยอย่างเป็นทางการ เป็นการนำเข้าจากเกาหลี ราคาค่อนข้างหนักไปทาง Entry Luxury ขายความพรีเมียมและคุณภาพระดับสากลในราคาที่เบากว่าฝั่งยุโรป

สำหรับ Hyundai Ioniq 5 ที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยจะแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย เริ่มจาก Premium, Exclusive และรุ่นพิเศษ First Edition ราคาดังนี้

ในส่วนของภายนอกทุกรุ่นย่อยจะตกแต่งเหมือนกันหมดยกเว้นรุ่นพิเศษ First Edition จะให้หลังคากระจก Vision Roof กับล้ออัลลอยลายซี่ถี่ขนาด 20 นิ้ว นอกนั้น เป็นต้นว่า ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ Parametric LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกหน้าลดเสียงรบกวน ช่องรับอากาศใต้กันชนแบบ Active ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า ให้มาเหมือนกันทุกรุ่น

ภายในของ Hyundai Ioniq 5 จะมี 2 โทนสี ขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก ถ้าเป็นสีดำหรือสีขาวจะได้ภายในสีดำ Obsidian Black แต่ถ้าเลือกสีน้ำตาล Gravity Gold Matte จะใช้ภายในสีเทา Dark Pebble Grey วัสดุหุ้มเบาะก็จะเป็นแบบสังเคราะห์จากธรรมชาติ

ส่วนใหญ่อุปกรณ์หลักทุกรุ่นจะได้เหมือนกัน เช่น เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศเปลี่ยนได้ 64 สี มาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว จอมัลติฟังก์ชันขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีที่ชาร์จสมาร์ตโฟน เบรกมือไฟฟ้า และแอร์อัตโนมัติแยกปรับ 2 โซน เป็นต้น

ยกเว้นรุ่น First Edition จะได้เบาะคู่หน้าแบบ Zero Gravity พร้อมที่รองน่องและระบบอุ่นเบาะร้อน-เย็น เบาะคนขับบันทึกตำแหน่งได้ แต่จะไม่มีระบบจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) แบบรุ่น Premium หรือ Exclusive ขณะที่ระบบเสียง BOSE ลำโพง 8 ตัว พร้อมแอมปลิไฟเออร์แยกภายนอก ไม่มีเฉพาะรุ่น Premium เท่านั้น

ทั้ง 3 รุ่นย่อยของ Hyundai Ioniq 5 จะได้อุปกรณ์ความปลอดภัยเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 6 จุด เบรก ABS ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบช่วยเบรกเมื่อเกิดการชนซ้ำ รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense

Hyundai Ioniq 5 ทุกรุ่นจะใช้มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าทั้งหมด แต่รุ่น Premium จะติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดความจุ 58 kWh กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 384 กม./ชาร์จ (WLTP)

ขณะที่รุ่น Exclusive กับ First Edition จะติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดความจุ 72.6 kWh กำลัง 217 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่ง 481 กม./ชาร์จ แต่หากเป็น First Edition จะลดเหลือ 451 กม./ชาร์จ เพราะขนาดล้อใหญ่กว่า

หากระยะทางวิ่ง 384 กม./ชาร์จ (ซึ่งการใช้งานจริงจะวิ่งได้น้อยกว่านี้) เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไกลบ่อย ไม่สนหลังคากระจก ระบบเครื่องเสียง BOSE หรือเบาะ Zero Gravity ที่เอนนอนได้สบายกว่า เลือกรุ่น Premium ก็จะประหยัดเงินไปได้ถึง 700,000 บาท

หรือถ้าจะต้องวิ่งยาว ลดความถี่ในการชาร์จ ก็อาจจำเป็นต้องเลือกรุ่น Exclusive ที่ได้อุปกรณ์พอ ๆ กับ Premium แต่วิ่งได้ไกลกว่า 100 กม./ชาร์จ กับมีระบบเสียง BOSE แต่ก็ต้องเพิ่มเงิน 200,000 บาท

แต่ถ้าเงินเหลือ ต้องสุดในทุกด้าน มีหลังคากระจก เบาะคู่หน้าที่นั่งหรือปรับเอนก็สบายกว่า รุ่น First Edition คงเป็นทางเลือกเดียว ซึ่งก็จะถูกกว่า Volvo XC40 Pure Electric รุ่น Single Motor อยู่ 100,000 บาท

ที่มา : Hyundai Mobility Thailand