MICHELIN E PRIMACY ยางเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด
ในช่วงเวลาที่รถยนต์พลังงานทดแทนกำลังเข้าสู่ตลาดยานยนต์ในประเทศไทย MICHELIN เป็นแบรนด์ยางแรกที่ส่งยางที่ออกแบบเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริดลงสู่ตลาดยางรถยนต์ในบ้านเรา ในรุ่น MICHELIN e PRIMACY เพื่อตอบสนองการใช้งานที่มีแรงบิดโดดเด่น
MICHELIN e PRIMACY ใช้การออกแบบจากประสบการณ์การพัฒนาต่อยอดมาจากการแข่งขัน Formula E การแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก เพื่อนำมาออกแบบยางรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด ในตลาดยานยนต์บนท้องถนนโดยเน้นประสบการณ์ขับขี่แบบพรีเมียม
MICHELIN e PRIMACY คุณสมบัติรักโลก
MICHELIN e PRIMACY เพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนที่ประสิทธิภาพต้านแรงต้านทานการหมุนของล้ออยู่ในระดับ AAA ที่ MICHELIN เครมว่า MICHELIN e PRIMACY มีประสิทธิภาพต้านแรงต้านทานการหมุนเหนือกว่าค่าเฉลี่ยยางคู่แข่งชั้นนำ 29.1% ทำให้สามารถลดการสิ้นเปลืองพลังงานสูงถึง 9.7% นั้นคือถ้าใส่กับรถยนต์ไฮบริดจะสามารถลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อีกด้วย
MICHELIN e PRIMACY ยังดึงเทคโนโลยีสนามแข่งอย่างสูตรเนื้อยาง Energy Passive Compound ที่ใช้อีลาสโตเมอร์ที่มีความยึดหยุ่นสูงเป็นพิเศษ ช่วยให้อีลาสโตเมอร์สามารถเชื่อมกับสารเติมเสริมแรง(Filler) ได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้การกระจายพลังงานภายในยางทำได้ดี แรงต้านทานการหมุนของล้อ และการสิ้นเปลืองพลังงานจึงลดลงตามไปด้วย
โครงสร้าง MICHELIN e PRIMACY ยังมี Slim Belt เข็มขัดรัดหน้ายางแบบใหม่ที่มีความบางลงแต่ยังให้ความแข็งแกร่งเท่าเดิม ช่วยให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือไฮบริดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนได้เต็มสมรรถนะมากขึ้น
MICHELIN e PRIMACY ใช้งานยาวนาน และขับได้ไกลกว่า
เนื่องจากคุณสมบัติการหมุนที่มีแรงต้านต่ำทำให้ MICHELIN e PRIMACY เพิ่มระยะการใช้งานแบตเตอรี่ สูงสุงถึง 7% หรือประมาณ 30 กิโลเมตรต่อความจุแบตเตอรี่ สำหรับการเดินทาง 400 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ภูมิอากาศและสภาพการใช้งาน) ให้คุณได้เพลิดเพลินกับประสบการณขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า หรือไฮบริดได้ไกลขึ้นกว่าเดิม
นอกจากจะขับได้ไกลกว่าแล้ว MICHELIN e PRIMACY ยังเพิ่มอายุการใช้งานยาวนาน ส่งผลถึงสิ่งแวดล้อมด้านการลดปริมาณขยะจากการเปลี่ยนยางเร็วกว่าที่จำเป็น เพราะความทนทานต่อการสึกหรอเหนือกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งชั้นนำ 18.3% ด้วยเทคโนโลยี MaxTouch Construction™ ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสระหว่าง MICHELIN e PRIMACY กับผิวถนน ทั้งยังช่วยกระจายแรงกดให้สม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรก และเข้าโค้ง ส่งผลให้หน้ายางมีอายุใช้งานนานและยังคงให้สมรรถนะดี ปลอดภัย
MICHELIN e PRIMACY ยกระดับความพรีเมี่ยม
เพิ่มความนุ่มเงียบ ช่วยยกระดับประสบการณ์ขับขี่รถไฟฟ้าด้วย MICHELIN e PRIMACY ที่ออกแบบเพื่อยกระดับประสบการณ์ขับขี่รถไฟฟ้าขึ้นไปอีกขั้นด้วยความนุ่มเงียบสไตล์ยางมิชลินที่ผสาน 2 สุดยอดเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
- Silent Rib เทคโนโลยีที่ช่วยให้หน้ายางและร่องดอกยางมีระยะห่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ส่งผลให้เสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศเมื่อยางสัมผัสกับผิวถนนมีความสม่ำเสมอ จึงรู้สึกได้ถึงความเงียบสบายในห้องโดยสาร
- Acoustic Technology เทคโนโลยีพิเศษโดยนำโฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane Foam) มาติดตั้งไว้ที่ท้องยางช่วยดูดซับการสั่นสะเทือนของอากาศภายในยาง จึงช่วยลดเสียงก้องภายในยาง (Cavity Noise) ลง ช่วยให้การขับขี่เงียบสงบมากขึ้น (เทคโนโลยีนี้มีในยางขอบ 19 นิ้วขึ้นไป บางขนาดเท่านั้น)
MICHELIN e PRIMACY สรุป
MICHELIN e PRIMACY จะเข้ามาตอบโจทย์ของรยนต์ไฟฟ้า และไฮบริดให้มากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติของรถยนต์ทั้ง 2 ชนิดนี้ จะให้แรงบิดที่เหนือกว่ารถยนต์สันดาปแบบปกติ อีกทั้งบางรุ่นยังมีน้ำหนักที่เยอะกว่า และคุณสมบัติการขับขี่ที่เงียบกว่า
- เพิ่มความเงียบให้การขับขี่แบบไฟฟ้า
- รองรับแรงบิดทั้งสมรรถนะ และความทดทาน
- ยืดระยะทางการขับขี่ และเพิ่มอายุการใช้งานยาวนาน