รีวิว Ford Everest 2019 เวอร์ชั่นออสเตรเลีย
ถือเป็นหนึ่งในรถใหญ่ที่มีทำตลาดในบ้านเรามาเป็นระยะเวลาพอสมควร และก็พอจะได้รับการตอบรับที่ดี วันนี้เราลองมาดูรีวิวในเวอร์ชั่นของออสเตรเลียกันหน่อย ว่าตัวใหม่ของที่นี่ มีอะไรดีอะไรเด่นกว่าของบ้านเรามั้ย
เริ่มกันที่ด้านหน้าของตัวรถ แม้ว่าอาจจะดูเหมือนมันไม่ค่อยแตกต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่ตระแกรงหน้านั้นเปลี่ยนมาใหม่ พร้อมกับกันชนด้านล่างด้วย แล้วก็มีเพิ่มระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน AEB พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า และปุ่ม Push Start ติดเครื่องยนต์
แต่ที่ใหม่โดดเด่นจริงๆเลยก็คือเครื่องยนต์ จากที่มีกระแสจาก Ford Ranger Raptor ที่โปรโมทถึงความแรงเครื่องให้เห็น และใน Everest ตัวนี้ก็ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกันด้วย ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์ออโต้ 10 สปีด
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ต้องการความแรงอะไรมากมายอย่างนั้น Ford ก็ยังคงมีเครื่องยนต์เดิมขนาด 3.2 ลิตร 5 สูบ 191 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตรให้เลือกอยู่ ในรุ่นเริ่มต้น Ambiente เลือกระบบขับเคลื่อนได้ทั้งแบบ 4 ล้อและ แบบขับเคลื่อนล้อหลัง รวมถึงเบาะที่นั่ง 5 ที่ และ 7 ที่
ตัวต่อมาเป็น Trend รุ่นแบบ 7 ที่นั่งเท่านั้น มีระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 แบบเหมือนกัน ถือเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด สามารถเลือกเครื่องยนต์จากทั้ง 2 แบบได้ ส่วนในรุ่นสุดท้ายเป็นตัวท๊อป Titanium ขับเคลื่อน 4 ล้อ และจับคู่กับมาเครื่องยนต์ 2.0 ทวินเทอร์โบอย่างเดียว
สำหรับราคาขายก็วางเอาไว้ไม่ได้ทิ้งห่างกันมาก เริ่มที่ Ambiente ราคา 49,190 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ประมาณ 1,177,000 บาท ส่วนรุ่น Trend เริ่มต้นที่ 56,190 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ประมาณ 1,345,000 บาท และตัวท๊อป Titanium ที่ราคา 73,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ประมาณ 1,770,000 บาท
ในรุ่น Ambiente มีการเพิ่มอุปกรณ์อย่างกุญแจอัจฉริยะ Smart Key มาให้ พร้อมกับปุ่ม Start Button สำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ กระจกด้านหน้าลามิเนตอคูสติกกันเสียง แผนตกต่างห้องโดยสารพลาสติกลายไม้ ลำโพง 10 ตัว พร้อมแอมป์และวิทยุดิจิตอล DAB+ มีระบบนำทางดาวเทียมบนหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
ขยับมาที่รุ่น Trend จะได้ไฟหน้าซีนอน HID พร้อมปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ไฟ LED Daytime Running ประตูหลังไฟฟ้าพร้อมระบบเปิดได้จากการเตะเท้าด้านล่างใต้ประตู เบาะหนัง ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน AEB และระบบอ่านสัญลักษณ์จราจร
รุ่นท๊อปบนสุด Titanium เพิ่มความหรูหราอย่างล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วมาให้ หรือสามารถที่จะเลือกขนาด 18 นิ้วแล้วปรับแต่งระบบช่วงล่างแทนก็ได้ และชุดลากที่ติดตั้งมาจากโรงงาน
ภายในห้องโดยสารของ Everest ให้ความรู้สึกคล้ายกันกับใน Ranger แน่นอนว่าเพราะมีการใช้สถาปัตยกรรม T6 เหมือนกัน ให้ความรู้สึกโมเดิร์นมากกว่าใน MU-X แต่สำหรับความเป็นรถเมือง อาจจะปันใจให้กับ Hyundai Santa Fe มากกว่า
หน้าจอสัมผัสภายในมีขนาดใหญ่โดดเด่นเห็นชัด เชื่อมต่อกับระบบดิจิตอลต่างๆใช้งานสะดวก พื้นที่กว้างขวางมาพร้อมช่องเก็บของตามจุดต่างๆที่ใส่มาให้ครบถ้วน ในตัวรุ่น Titanium ยังมีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พร้อมเบาะหนังมีฮีทเตอร์ภายใน เพิ่มความรู้สึกเป็น SUV หรูมากขึ้น
แต่ก็ดูจะแปลกไปหน่อยที่มีชิ้นส่วนพลาสติกในห้องโดยสารค่อนข้างเยอะ ขัดกับความเป็นรถระดับ Everest ดั้งเดิม และพวงมาลัยก็ยังไม่มีการปรับแบบเข้าออกมาให้ด้วย แม้ว่าจะเซ็ตตำแหน่งมาให้ขับได้สบายก็ตาม
เบาะหลังก็โอบสรีระได้ดี มี ISOFIX สำหรับติดตั้งเบาะนั่งเด็กมาให้ ปรับเอนได้แบบแยกฝั่ง มีถุงลมแอร์แบ็กขนาดยาว Full-Length มีที่พักแขนตรงกลาง มีแอร์ปรับอากาศแยกสำหรับด้านหลัง พร้อมจุดเสียบใช้ไฟฟ้า 230V
ถัดออกมาที่เบาะแถวสาม ที่มีขนาดพอดีเหมาะสำหรับเด็กๆนั่ง ด้วยความที่เป็นรถใหญ่ ก็เหลือพื้นที่ไว้ให้เป็นอย่างดีไม่อึดอัด สามารถพับให้เรียบไปกับพื้นได้เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งอย่าง Pajero Sport และ Toyota Fortuner
ถือเป็นรถที่ได้รับการออกแบบและจัดการวิศวกรรมมาเป็นอย่างดีจาก Ford ให้ความสบายให้การขับขี่ที่ดีเยี่ยมมากที่สุดคันนึง ห้องโดยสารก็ลดเสียงรบกวนได้มาก เพิ่มความเงียบเฉียบระหว่างขับ ทำได้ดีมากกว่ารถในระดับเดียวกันหลายตัว พวงมาลัยก็คม ไม่หนักมาก มีระบบไฟฟ้าช่วยผ่อนน้ำหนักให้เลี้ยวได้ง่าย
ในรุ่น Trend และ Titanium ให้ระบบช่วยเหลือสำหรับการขับขี่ระยะทางไกล Active Cruise Control มาให้ด้วย พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 แบบ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับหลากหลายสภาพถนน ขับขี่ไปได้ในทางทุกแบบ มั่นใจได้
ในเวอร์ชั่นนี้ยังมีชุดเหล็กกันโครงด้านหน้าแบบใหม่ ทำให้ระบบช่วงล่างนั้นนิ่มมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสบายในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม พร้อมระบบการกำจัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารให้เงียบมากยิ่งขึ้น (คล้ายกันกับระบบที่ใช้ในหูฟัง) และแน่นอนว่ากระจกบานหน้าแบบ Acoustic
เครื่องยนต์ตัวใหม่ที่ให้กำลังแรงม้ามากกว่าเดิม 19 ตัว แรงบิดมากกว่าเดิม 30 นิวตันเมตร ทั้งๆที่ลดความจุลงไป 1.2 ลิตร และลดสูบลงไปอีก 1 ตัว ก็ช่วยตัวรถในทุกๆด้าน แน่นอนว่ามันขับขี่ได้ดีกว่าเดิม ความเร็ว การเร่งแซง ทั้งหมดคงต้องขอบคุณระบบเทอร์โบคู่ ที่เชื่อมต่อแบบ Bypass วาล์ว ตัวนึงสำหรับเครื่องที่ความเร็วต่ำ และอีกตัวสำหรับความเร็วสูง
แน่นอนว่าเครื่องใหม่นี่เงียบกว่าและทำงานได้เรียบเนียนกว่าแบบ 3.2 ลิตรเดิม กำแรงบิดที่ให้มาก็ช่วยให้ไต่ขึ้นเขากันได้แบบสบายหายห่วง สูงสุดระดับ 500 นิวตันเมตร ที่ 1750 รอบ
ทั้งหมดนี้ทำให้นี่ยังเป็นรถ SUV ระดับหรูพรีเมี่ยมที่คุ้มค่าน่าใช้อีกคันนึง ถ้านี่คือรูปแบบรถยนต์ที่คุณชอบอยู่แล้ว คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ไม่สนใจมัน แม้ว่าราคาในรุ่นท๊อปของมันอาจจะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปอยู่บ้าง แต่ก็นั่นแหละ มันมาพร้อมกับสิ่งที่คุณจะต้องชอบ
ที่มา: https://www.caradvice.com.au/678760/2019-ford-everest-review/