ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุกกี่ปี กี่กิโล วิธีดูและการดูแลรักษา
สำหรับคำถามที่ว่า ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุกกี่ปี ก็ต้องบอกว่า มันเป็นคำถามที่ถูกและไม่ถูกซะทีเดียวครับ เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนปีเพียงอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก โดยเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 3-5 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่กว้างมาก เพราะฉะนั้นสำหรับการดูว่ายางรถยนต์ของเรานั้นควรจะเปลี่ยนได้หรือยัง โดยมันยังมี 6 ข้อหลักที่ต้องพิจารณาดังนี้ครับ
1. เช็คความลึกของดอกยาง
- ทุกคนสามารถใช้ไม้บรรทัดหรือเครื่องมือวัดความลึกดอกยางโดยวางลงในร่องดอกยาง ความลึกที่เหมาะสมควรมากกว่า 3 มม. หากน้อยกว่านี้ควรพิจารณาเปลี่ยนยาง เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะลดลง โดยเฉพาะในสภาพถนนเปียก
- ดอกยางที่มีความลึกต่ำกว่า 1.6 มม. ถือว่าหมดสภาพและควรเปลี่ยนทันทีครับ
2. เช็คจากสะพานดอกยาง
- ยางรถยนต์จะมีสะพานดอกยางที่ช่วยบอกสภาพการสึกหรอ เป็นส่วนยางเล็ก ๆ ที่อยู่ในร่องดอกยาง ถ้าดอกยางสึกจนอยู่ระดับเดียวกับสะพานดอกยาง แสดงว่ายางใกล้หมดอายุและควรเปลี่ยน
3. ตรวจหารอยแตกร้าวหรือร่องรอยความเสียหาย
- หากพบรอยแตก รอยฉีก หรือการบวมที่บริเวณดอกยางหรือผิวของยาง ควรพิจารณาเปลี่ยนยางทันที เพราะเป็นสัญญาณว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพและอาจเสี่ยงต่อการระเบิดได้
4. ตรวจหารอยแตกร้าวหรือร่องรอยความเสียหาย
- หากดอกยางสึกหรอไม่เท่ากัน อาจเกิดจากปัญหาช่วงล่างหรือการตั้งศูนย์ล้อไม่ดี ทำให้ต้องตรวจเช็กและปรับตั้งศูนย์ล้อ หรืออาจต้องเปลี่ยนยางหากการสึกหรอผิดปกติ
6. ระยะทางการขับขี่และจำนวนปี
โดยทั่วไปแล้ว ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อวิ่งได้ระยะทางประมาณ 40,000 – 50,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของยางและลักษณะการขับขี่ด้วย เช่น:
- การขับขี่ในเมือง – หากขับในเมืองบ่อย การเบรกและการเร่งเป็นประจำจะทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น
- ขับขี่บนทางหลวงหรือถนนทางไกล – หากขับทางไกลบ่อย อาจทำให้ยางเสื่อมช้ากว่าเนื่องจากมีการเบรกน้อยกว่า
- สภาพถนน – ถนนที่ขรุขระหรือมีหลุมบ่อจะส่งผลให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น
- การดูแลรักษายาง – หากมีการเช็กความดันลมยาง ตั้งศูนย์ล้อ และสลับยางตามระยะ ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้