Toyota Corolla Cross 2025 SUV อเนกประสงค์ครองใจทุกครอบครัว
หากพูดถึงรถยนต์ที่เข้ามาตีตลาด SUV ได้อย่างรวดเร็วและครองใจคนไทยในหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย หนึ่งในชื่อที่ต้องถูกกล่าวถึงคือ Toyota Corolla Cross รถยนต์ SUV ขนาดกลางที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยช่วงกลางปี 2020 และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
รุ่นปี 2024–2025 มาพร้อมกับการอัปเกรดทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีภายในรถ ซึ่งทำให้ Corolla Cross ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัวที่ให้ทั้งความสวยงาม ความปลอดภัย และความประหยัดในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ราคาคาดการณ์ และการวางจำหน่ายในประเทศไทย
Toyota Corolla Cross รุ่นปัจจุบันปี 2024 มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น โดยราคาตั้งแต่ 999,000 บาท ถึง 1,254,000 บาท ดังนี้:
รุ่นย่อย | ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|
1.8 Sport Plus | 999,000 |
1.8 Hybrid Premium | 1,094,000 |
1.8 Hybrid Premium Luxury | 1,204,000 |
ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ Toyota อาจปรับราคาเล็กน้อยเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงความคุ้มค่าไว้ครบถ้วน
รูปลักษณ์ภายนอก: สปอร์ต พรีเมียม และใช้งานจริงได้ทุกวัน
Toyota Corolla Cross ปี 2024–2025 ได้รับการปรับดีไซน์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ทรงเรียว กระจังหน้าสีดำเข้มแบบใหม่ พร้อมลวดลายที่ดูแข็งแรงและสปอร์ต กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED
ด้านท้ายรถมีความโฉบเฉี่ยวไม่แพ้ด้านหน้า ไฟท้าย LED แบบ Light Guide ออกแบบให้ดูกว้างขึ้น เพิ่มความรู้สึกมั่นคงในภาพรวม สปอยเลอร์ท้ายพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม เสริมความสปอร์ตแบบกลมกลืน
จุดเด่นภายนอกเพิ่มเติม:
-
ล้ออัลลอยขนาด 17 หรือ 18 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)
-
ราวหลังคา (Roof Rail) ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย
-
หลังคาซันรูฟเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น Premium Safety และ GR Sport)
-
สีตัวถังให้เลือกกว่า 8 เฉดสี เช่น Celestite Gray, Platinum White Pearl, Metal Stream
ภายใน: กว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมฟีเจอร์ครบ
ภายในของ Corolla Cross มอบความรู้สึกหรูหราแต่ไม่เยอะเกินไป แผงคอนโซลออกแบบแบบยืดแนวยาว เพิ่มมิติความกว้างของห้องโดยสาร ใช้วัสดุ Soft Touch ในหลายตำแหน่ง พร้อมแถบตกแต่งสีเงิน หรือสีดำเปียโน (ในรุ่น GR Sport)
เบาะนั่งมีให้เลือกทั้งแบบผ้าสีดำ หนังเทียม หรือเบาะหนังสีทูโทนสไตล์สปอร์ต เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศ
จุดเด่นภายในเพิ่มเติม:
-
หน้าจอแสดงผล MID ขนาด 7 นิ้ว (ดิจิทัลเต็มรูปแบบในรุ่น GR Sport)
-
หน้าจออินโฟเทนเมนต์ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
-
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกฝั่งซ้าย–ขวา (เฉพาะรุ่นสูง)
-
ช่องเสียบ USB ทั้งแถวหน้าและหลัง
-
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 487 ลิตร และเพิ่มได้เมื่อพับเบาะหลังแบบ 60:40
ขุมพลังและสมรรถนะ
Toyota Corolla Cross 2024–2025 มาพร้อมขุมพลังให้เลือก 2 แบบ ได้แก่:
1. เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร (2ZR-FBE)
-
กำลังสูงสุด: 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
-
แรงบิดสูงสุด: 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
-
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i
-
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า (FWD)
2. เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร (2ZR-FXE)
-
กำลังรวม: 122 แรงม้า
-
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า: 163 นิวตันเมตร
-
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: 23.3 กม./ลิตร
-
ระบบส่งกำลัง: E-CVT
-
แบตเตอรี่ไฮบริด: Ni-MH ติดตั้งใต้เบาะหลัง
Corolla Cross Hybrid จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้รถในเมืองหรือเดินทางไกลบ่อย ๆ เนื่องจากประหยัดน้ำมันมาก และขับได้ลื่นไหลนุ่มนวล
ระบบความปลอดภัย
Toyota จัดเต็มในเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะในรุ่น Premium Safety และ GR Sport ที่มาพร้อมกับระบบ Toyota Safety Sense (TSS) เวอร์ชันล่าสุด ประกอบด้วย:
-
Pre-Collision System (PCS)
-
Lane Departure Alert with Steering Assist (LDA w/ SA)
-
Lane Tracing Assist (LTA)
-
Adaptive Cruise Control (ACC)
-
Automatic High Beam (AHB)
-
Blind Spot Monitor (BSM)
-
Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
-
กล้องมองรอบคัน 360 องศา
-
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
จุดเด่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
-
✅ มีรุ่น GR Sport สำหรับสายสปอร์ต ที่มาพร้อมช่วงล่างแบบพิเศษ
-
✅ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
-
✅ ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold
-
✅ รุ่น Hybrid ช่วยลดภาษีรถยนต์ ทำให้ราคารวมถูกลง
-
✅ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กถึงกลาง หรือผู้ใช้งานในเมืองที่ต้องการ SUV ไซซ์กะทัดรัด
สรุป: Corolla Cross รถคุ้มค่าที่ตอบโจทย์เกือบทุกกลุ่ม
Toyota Corolla Cross 2024–2025 ยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีของรถ SUV ที่ “ได้ทั้งสมรรถนะ ฟีเจอร์ และความคุ้มค่า” ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้มือใหม่ หรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรถครอบครัวคันเก่า Corolla Cross คือทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
ไม่ว่าจะเลือกเครื่องยนต์เบนซินหรือระบบไฮบริด คุณก็จะได้รถที่ขับง่าย ดูดี มีเทคโนโลยีทันสมัย และที่สำคัญ… ประหยัดน้ำมัน ใช้งานได้นานคุ้มราคาครับ